ประเด็นร้อน

คดีจีทูจี-ยงยุทธ บทเรียนสำคัญ ขรก.

โดย ACT โพสเมื่อ Sep 04,2017

  - - สำนักข่าวไทยโพสต์ - -

 

เข้าสู่เดือนกันยายน ซึ่งนับถอยหลังจากนี้ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 30 วัน โดยเดือนกันยายน เป็นเดือนที่มีความหมายกับข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ทุกคน เพราะเป็นเดือนสุดท้ายของข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ในการเป็นข้าราชการหลังทำงานมาตลอดชีวิต เว้นแต่จะลาออกเสียก่อน ขณะเดียวกัน ก็เป็นเดือนที่มีความหมายกับข้าราชการที่ยังอยู่ โดยเฉพาะกับคนที่ได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานให้สูงขึ้น ที่หมายถึงการมีรายได้ เงินเดือนมากขึ้น และการมีบทบาทหน้าที่และอำนาจมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ชีวิตข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ก็มีหลายคนที่ต้องจบชีวิตราชการแบบไม่สวยงาม หรือแม้แต่ต่อให้เกษียณไปแล้ว แต่ก็อาจจบย้อนหลังแบบไม่สวยงาม เนื่องจากถูกสอบสวน ดำเนินคดี ต้องคำพิพากษาคดีอาญา ทำให้ต้องรับโทษ เสื่อมเสียเกียรติประวัติของตัวเองและครอบครัว ซึ่งช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีตัวอย่างให้เห็นอย่างน้อยก็สองคดีสำคัญ ที่เป็นผลพวงมาจากสมัยรับราชการ ได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ต้องรับโทษทางคดีแม้จะเกษียณอายุราชการหรือถูกปลดออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่พ้นผิด


เรื่องแรกก็คือ กรณีที่เกิดกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ชีวิตหลังเกษียณได้เป็นทั้งรองนายกรัฐมนตรี, รมว.มหาดไทย, หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่สุดท้ายก็มาถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตัดสินคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157


สาเหตุที่ยื่นฟ้องเป็นเพราะจำเลยคือนายยงยุทธ ขณะดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบในการพิจารณาอุทธรณ์และสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน โดยมีเจตนาช่วยเหลือบริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด, บริษัท กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในเวลาต่อมา ให้ได้รับประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย


ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า พินัยกรรมของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ระบุชัดเจนว่า นางเนื่อมได้ยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง 2 แปลงให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารเท่านั้น มิได้ยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยแต่อย่างใด ทั้งภายหลังจากนางเนื่อมถึงแก่ความตาย วัดธรรมิการามวรวิหารได้นำที่ดินทั้ง 2 แปลงไปขึ้นทะเบียนที่ดินศาสนสมบัติวัดร้าง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่ธรณีสงฆ์ และนำที่ดินทั้ง 2 แปลงให้บุคคลอื่นเช่าทำนาแสดงให้เห็นว่าวัดธรรมิการามวรวิหารได้เข้าครอบครองและรับเอาประโยชน์จากที่ดินทุกแปลงแล้ว ถือได้ว่าที่ดินของนางเนื่อมที่แสดงเจตนาไว้ในพินัยกรรมยกให้แก่วัด ตกเป็นที่ธรณีสงฆ์ทันทีที่นางเนื่อมถึงแก่ความตาย แม้จะยังไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นชื่อวัดก็ตาม อันสอดคล้องกับความเห็นของที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กรมที่ดินนำมาพิจารณาประกอบการทำคำสั่งเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดิน คำสั่งอธิบดีกรมที่ดินจึงเป็นคำสั่งที่ถูกต้อง


ศาลมีคำพิพากษาอีกว่า การที่จำเลยพิจารณาอุทธรณ์ และมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน โดยจงใจละเลยข้อเท็จจริงต่างๆ ข้างต้น และยังจงใจตีความกฎหมายให้ผิดเพี้ยนไปจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2482 ที่ระบุให้กระทรวงถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนั้น คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยไม่ชอบ ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแก่ผู้อื่น และก่อให้เกิดความเสียหายแก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ทั้งยังทำลายศรัทธาของผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เช่นนางเนื่อม จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุก 2 ปีโดย ไม่รอลงอาญา แต่ขณะนี้ได้ยื่นของประกันตัว เพื่ออุทธรณ์คดีต่อไป


ส่วนก่อนหน้านี้ก็คือ คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ มีคำพิพากษาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ลงโทษจำคุกจำนวนหลายคน เช่น นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะ ปธ.อนุ กก.พิจารณาระบายข้าว จำนวน 36 ปี, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ในฐานะ ปธ.อนุ กก.พิจารณาระบายข้าว 42 ปี


ขณะที่อดีตข้าราชการ ที่ถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุกก็มี นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 40 ปี, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และอดีตรอง อธ.กรมการค้าต่างประเทศ 32 ปี, นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ และอดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ 24 ปี


กรณีที่เกิดขึ้นกับคดียงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ผ่านตำแหน่งสำคัญในชีวิตราชการมานับไม่ถ้วน ทั้งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ว่าราชการจังหวัด จนมาเกษียณในตำแหน่งสูงสุดในชีวิตราชการคือ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ก่อนเกษียณเพียงไม่กี่วัน หลังลงนามในคำสั่งกรณีที่ดินอัลไพน์ ซึ่งทำให้สุดท้ายต้องมาถูกดำเนินคดีย้อนหลัง และกรณีที่เกิดขึ้นกับอดีตข้าราชการ กรมการค้าต่างประเทศ ที่โดนทั้งคดีอาญาและกำลังต้องต่อสู้กับเรื่องการอายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ หลังถูกกระทรวงพาณิชย์เรียกค่าเสียหายทางปกครอง


คดียงยุทธและคดีจีทูจี ถือได้ว่านี่คือบทเรียนสำคัญของข้าราชการประจำ เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่รับใช้การเมือง เพื่อหวังตำแหน่งหน้าที่ทางราชการและตำแหน่งทางการเมือง เพราะไม่เช่นนั้น บั้นปลายชีวิต แม้ต่อให้เกษียณไปแล้ว ก็อาจต้องมีเรื่องมัวหมองกับตัวเองและครอบครัวในภายหลัง.

 

 

 

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน


Follow LINE: http://bit.ly/2vDtGHV
Follow Facebook: http://bit.ly/2x3oArO